พ่อแม่หลายคนคงอยากให้ลูกเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่เด็ก แต่เด็กควรจะเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่อายุเท่าไหร่นะ บทความนี้จะมาไขคำตอบกัน
เด็กได้ยินเสียงเพลงตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ผลการวิจัยหลายชิ้นพบว่าเด็กสามารถได้ยินเสียงต่าง ๆ ตั้งแต่แม่ยังมีอายุครรภ์แค่ 18 สัปดาห์ และเริ่มไวต่อเสียงมากขึ้น ถึงขนาดสามารถเอี้ยวศีรษะไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยินได้เมื่อครบ 24 สัปดาห์ (ประมาณ 6 เดือน)
โดยที่มีคำแนะนำจากแพทย์ด้วยว่าการที่คุณแม่ร้องหรือฮัมเพลงนั้น ส่งผลให้ลูกน้อยในครรภ์คุ้นเคยกับเสียงเพลงนั้น ๆ ด้วย แถมยังเป็นการส่งผ่านเสียงไปถึงลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใส่หูฟังหรือครอบหูฟังไว้ที่หน้าท้องอีกด้วย
อายุ 6-8 เดือน
มีการให้คำแนะนำจากผู้ทำกิจกรรมสำหรับเด็ก ว่าถ้าหากอยากให้ลูกเริ่มเรียนดนตรี ก็สามารถเริ่มได้เลยตั้งแต่อายุแค่ 6-8 เดือน แต่ต้องมีผู้ปกครองร่วมเรียนไปด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการเรียนแต่ละครั้งแค่ประมาณ 30-40 นาทีเท่านั้น
อายุ 3-4 ขวบ
วัยนี้ถือเป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเริ่มเรียนดนตรี เพราะเป็นวัยที่สมองกำลังพัฒนา โดยสามารถเริ่มปล่อยลูกให้อยู่กับคุณครูแบบตัวต่อตัวได้ การเรียนจะไม่ได้ถึงกับให้จับเครื่องดนตรีเลย แต่เป็นการเริ่มต้นจากการตบมือ และเคาะจังหวะ เลือกเพลงที่มีจังหวะง่าย ๆ ประกอบกิจกรรม พร้อมใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้น่าสนใจสำหรับเด็กมากยิ่งขึ้น
อายุ 5 ขวบ
วัยที่สามารถเรียนดนตรีเป็นกลุ่มได้ โดยเครื่องดนตรีที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นคือ เปียโนหรือคีย์บอร์ด เพราะว่าเป็นเครื่องดนตรีที่ไม่ต้องถือหรือต้องใช้ร่างกายในการประคองเอาไว้ ใช้วิธีกดออกมามีเสียงที่ดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ได้ ทำให้เรียนรู้เมโลดี้และท่วงทำนองของเพลงได้ง่ายขึ้น
อายุ 7 ขวบ
เป็นวัยที่เด็กสามารถเรียนดนตรีได้หลากหลายชนิดมากขึ้น ซึ่งการได้เริ่มพื้นฐานจากการเรียนเปียโนก่อนอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี จะพบว่าการเรียนรู้เครื่องดนตรีใหม่ ๆ สามารถทำได้ง่ายและเร็วขึ้นมาก
อายุ 11-12
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในขณะที่กำลังโตเป็นวัยรุ่นก็จะส่งผลต่อเสียงของเด็ก ๆ ที่เปลี่ยนไป การเรียนร้องเพลงในวัยที่เด็กกว่านี้ จึงอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กหลาย ๆ คน เมื่อเข้าถึงช่วงการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจให้เด็ก ๆ เริ่มเรียนดนตรีก็ต้องดูตามความพร้อมของน้อง ๆ และผู้ปกครองด้วยเป็นหลัก ที่สำคัญคือต้องดูความสนใจของเด็กด้วยเช่นกัน ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ควรให้พวกเขาได้มีสิทธิ์เลือกเองด้วยว่าอยากเรียนอะไร เพราะเด็กแต่ละคนต่างก็มีความสนใจที่แตกต่างกันไปนั่นเอง
___
ที่มา: theguardian.com, thaipianist.com, tonkit360.com
___