เมื่อได้ยินคำถามนี้ คำตอบที่เกิดขึ้นทันทีสำหรับใครหลายคน น่าจะเป็นแนวเพลง pop, rock, hiphop, jazz หรืออีกมากมายที่ในยุคปัจจุบันถูกตั้งชื่อให้หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น แนว bedroom pop, post rock เป็นต้น ครั้งนี้เราเลยจะมาแนะนำอีก 7 แนวดนตรีชื่อแปลก ๆ แนวเพลงประหลาด ๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก เผื่อจะได้เจอเพลงโปรดใหม่ ๆ กลับไปเพิ่มในเพลย์ลิสต์ มาลองฟังเพลงกันเลย!
1. Lowercase
นอกจากจะชื่อเท่แล้ว ดนตรีก็เท่ไม่แพ้กัน สำหรับใครที่ชอบฟังซาวด์ที่เงียบ คลีน แต่มีความซับซ้อนและน่าสนใจ (เรียกง่าย ๆ ว่ามีความมินิมอล) หรือมองหางานศิลปะในรูปแบบของเสียง อาจจะถูกใจดนตรีแนวนี้ ซึ่งศิลปินที่นับว่าเป็นผู้บุกเบิกมีชื่อว่า Steve Roden โดยผลงานที่เป็นที่รู้จักคืออัลบั้ม 'Forms of Paper' ที่ออกมาเมื่อปี 2001 โดยการอัดเสียงของกระดาษในรูปแบบต่าง ๆ แล้วมาปรับแต่งเพิ่มเติมในคอมพิวเตอร์
2. Cute Metal
มีอีกชื่อเรียกว่า Kawaii Core ถึงจะฟังดูขัดกัน แต่ก็ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนผสมของดนตรีที่มีความเข้ม แรง ผสมผสานกับเมโลดี้ป๊อปแบบญี่ปุ่น โดยวงที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของดนตรีแนวนี้มีชื่อว่าวง Babymetal จากประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
3. Folktronica
ฟังดูจากชื่อแล้วก็อาจเดาได้ไม่ยากว่าคือการนำดนตรีแนว folk มาผสมกับ electronica ซึ่งส่วนมากจะมีซาวด์ของเครื่องสาย เช่น กีตาร์ ที่เป็นจุดเด่นของเพลง folk แล้วนำมาใส่ทำนอง hip hop, dance หรือ electronic เข้าไป ทำให้เกิดเป็นเพลงที่มีความฟังง่ายแต่มีลูกเล่นมากขึ้น
4. Cloud rap
นับว่าเป็นหนึ่งในแนวเพลงที่เป็นที่นิยมมากขึ้นในยุคนี้ เพราะซาวด์ที่มีความเป็น aesthetic ของการใช้ synthesizer บวกกับท่อนแรปฟังเพลิน ปนจังหวะสนุก ที่ทำให้เสียงแบคกราวด์ที่เป็น ambient ไม่น่าเบื่อจนเกินไป การผสมผสานที่ลงตัวนี้เกิดขึ้นราวช่วงปี 2009 และได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน
5. Vaporwave
เรียกได้ว่าเป็นแนวเพลงแห่งยุคดิจิทัลเลยก็ว่าได้ ด้วยการผสมผสานของซาวด์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น samples จาก Youtube, ซาวด์จากโฆษณาในยุค 80s ที่ให้ความรู้สึกของความเป็น jazz หรือ funk โดยแนวเพลงนี้มักมาคู่กันกับภาพประกอบแนวอินเตอร์เนตในยุคเริ่มต้นอีกด้วย
6. Electro Swing
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Swing House แนวเพลงนี้ถือกำเนิดช่วงยุค 90s โดยศิลปิน EDM อย่าง Doop และ Jurassic 5 ซึ่งเป็นการผสมผสานของดนตรี jazz และ swing กับ hip hop และ EDM เพื่อให้ได้ซาวด์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น
7. Black MIDI
หนึ่งในแนวเพลงที่มีความซับซ้อนที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากประกอบไปด้วยโน้ตเป็นล้านโน้ต! ซึ่งไม่สามารถให้นักดนตรีเล่นสดได้ ต้องบรรเลงผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น หรือถ้าหากดนตรีประกอบด้วยตัวโน้ตมาตรฐาน การ compose ก็จะ maximalist สุด ๆ
หรือหากใครมีแนวไหนที่ชอบนอกเหนือจากนี้ มาแปะแชร์กันได้เลยนะ 
___
ข้อมูลอ้างอิง: izotope, deseret, highonscore
___
